วันจันทร์ ที่ 28 ก.พ. 2565(เวลา 14.00 น.)
พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7
พร้อมด้วย
พล.ต.ต.ปรัชญา ประสานสุข(รอง ผบช.ภ.7)
พล.ต.ต.อภิชาติ วรรณภักดิ์(ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร)พ.ต.อ.พัฒนปกรณ์ ชั้นประเสริฐ(รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร)พ.ต.อ.สราวุธ ศรีชัย
(รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร)พ.ต.อ.ธนากร วงศ์สิริลักษณ์(ผกก.สภ.เมืองสมุทรสาคร)และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง..ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมตัวผู้ต้องหาก่อเหตุอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ ฆ่าปาดคอในพื้นที่ สภ.เมืองสมุทรสาคร ตามหมายจับ 1 ราย คือ นายอนุชา อ่องสอาด อายุ 25 ปี ที่อยู่ 9/1 หมู่ 13 ต.มวกเหล็ก อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรสาคร ที่ จ.47/2565 ลงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา”
พร้อมตรวจยึดของกลาง

  1. มีดปอกผลไม้ สแตนเลส ความยาวรวมด้าม ยาวประมาณ 23.5 เซนติเมตร จำนวน 1 เล่ม (อยู่ในของกลางลำดับที่ 4)
  2. มีดปอกผลไม้ ด้ามจับพลาสติกสีดำ ความยาวรวมด้าม ยาวประมาณ 23 เซนติเมตร จำนวน 1 เล่ม(อยู่ในของกลางลำดับที่ 4)
  3. ลูกกุญแจล็อคประตูห้อง ยาวประมาณ 3.5 เซนติเมตร จำนวน 1 ดอก (อยู่ในของกลางลำดับที่ 4)
  4. กล่องเหล้าไม้ ยี่ห้อ Ballantines จำนวน 1 กล่อง (อยู่ในของกลางลำดับที่ 9)
  5. สัญญารับซื้อโทรศัพท์ ร้าน เอ็ม เจ ช็อฟ สาขา นิคมอุตสาหกรรมสมุทรสาคร ซอย 15 จำนวน 1 ฉบับ (อยู่ในของกลางลำดับที่ 9)
  6. สัญญารับซื้อโทรศัพท์ ร้าน เอ็ม เจ ช้อฟ สาขา นิคมอุตสาหกรรมสมุทรสาคร ซอย 15 จำนวน 1 ฉบับ (อยู่ในของกลางลำดับที่ 2)
  7. กางเกงยีนส์ขายาว จำนวน 1 ตัว (ผู้ต้องหา สวมใส่ขณะทำการตรวจยึด)
  8. รองเท้าผ้าใบสีขาว จำนวน 1 คู่ (ผู้ต้องหา สวมใส่ขณะทำการตรวจยึด)
  9. กระเป๋าสะพายสีดำ ยี่ห้อ Anello จำนวน 1 ใบ
    โดยแจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับให้ทราบว่า “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา”..พฤติการณ์กล่าวคือ
    เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรสาคร ได้รับแจ้งเหตุพบศพหญิงนอนเสียชีวิตอยู่ภายในหอพักทองขาว ห้องหมายเลข c75 หมู่ที่ 2 ตำบลท่าทราย อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร จากการตรวจสอบสภาพศพผู้เสียชีวิตพบว่า ศพมีสภาพเน่า และพบว่ามีร่องรอยการถูกทำร้ายด้วยของมีคม ที่บริเวณลำคอ โดยทราบชื่อผู้เสียชีวิตภายหลังคือ นางสาวศันสนีย์ แสงจันทร์ อายุ 38 ปี จากการสืบสวนทราบว่า ผู้เสียชีวิตพักอาศัยอยู่ที่ห้องพักที่เกิดเหตุกับนายอนุชา อ่องสะอาด ซึ่งเป็นแฟนหนุ่ม และในวันเวลาที่พบศพไม่พบตัวนายอนุชาฯอยู่ที่บริเวณห้องพักดังกล่าว และไม่สามารถติดต่อได้ เมื่อทำการสืบสวนมาโดยตลอดจนทราบว่านายอนุชาฯ เป็นผู้ก่อเหตุในคดีนี้ จึงรวบรวมพยานหลักฐานไปยื่นคำร้องขอหมายจับต่อศาลจังหวัดสมุทรสาคร และศาลจังหวัดสมุทรสาครได้อนุมัติออกหมายจับนายอนุชา อ่องสอาด ตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรสาคร ที่ จ.47/2565 ลงวันที่ 26 ก.พ. 65 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา”
    ต่อมาวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2565 เวลาประมาณ 17.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้เดินทางไปยังเพิงพักไม่มีเลขที่ หมู่ที่ 4 ตำบลยกกระบัตร อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อทำการตรวจสอบจับกุม หลังจากที่สืบสวนทราบว่านายอนุชาฯ ได้หลบหนีไปอยู่บริเวณดังกล่าว โดยเมื่อไปถึงพบ นายอนุชาฯ ซึ่งมีลักษณะตำหนิรูปพรรณตรงตามหมายจับอยู่ที่บริเวณหน้าเพิงพัก จึงเข้าไปแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและแสดงหมายจับให้นายอนุชาฯ ดู และให้อ่านข้อความตามหมายจับข้างต้นจนเข้าใจดีแล้ว นายอนุชาฯ ยอมรับว่า เป็นบุคคลตรงตามหมายจับนี้จริง และยังไม่เคยถูกจับกุมดำเนินคดีตามหมายจับนี้มาก่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แจ้งให้นายอนุชาฯ ทราบว่า จะต้องถูกจับกุมตามหมายจับข้างต้น พร้อมทั้งได้แจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับและแจ้งสิทธิตามกฎหมายให้นายอนุชา ฯ ทราบ จนเข้าใจโดยตลอดดีแล้ว นายอนุชาฯ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
    จากการสอบถามนายอนุชาฯ ให้การว่าได้ก่อเหตุฆ่า นางสาวศันสนีย์ฯ ซึ่งเป็นแฟนสาวจริง โดยใช้มีดปอกผลไม้ สแตนเลส ปาดที่บริเวณลำคอ เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565 ช่วงเวลาประมาณ 08.00 น. โดยมีสาเหตุจากการมีปากเสียงกันเกี่ยวกับเรื่องชู้สาว และเรื่องเงินมาหลายครั้งเป็นปัญหาสั่งสมมานาน เคยมีการทะเลาะตบตีกันหน้าหอพักมาก่อนหน้านี้แล้ว โดยในวันเกิดเหตุได้มีปากเสียงกันอีกครั้งภายในห้องพักและนางสาวศันสนีย์ฯ จะขอเลิกรากับตนและพูดไล่ให้ตนไปอยู่ที่อื่น จึงโกรธแค้นและตัดสินใจลงมือก่อเหตุดังกล่าว ต่อมานายอนุชาฯ ได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจยึดสิ่งของที่ใช้ในการก่อเหตุซึ่งอยู่ภายในเพิงพัก ด้วยความสมัครใจของตนเอง จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางที่ตรวจยึดได้ มาจัดทำบันทึกจับกุมส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรสาครเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ในการปฏิบัติในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมบูรณาการกำลังตามหลักการ “กัดไม่ปล่อย ล่าไม่ถอย คอยไม่เลิก” จนกระทั่งสามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ในเวลาอันรวดเร็ว การปฏิบัติการดังกล่าวของเจ้าหน้าที่ตำรวจในครั้งนี้จึงถือเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในการพิทักษ์และรับใช้ประชาชนอย่างแท้จริง

ในนามของตำรวจภูธรภาค 7 ได้ฝากถึงครอบครัวผู้เสียชีวิต ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำงานอย่างเต็มที่เพื่อคืนความเป็นธรรมให้กับผู้เสียหาย โดยจะรวบรวมพยานหลักฐาน สอบสวนอย่างตรงไปตรงมา และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ในทั้งนี้ ผบช.ภ.7 ขอชมเชยพร้อมทั้งขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน